วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กิจกรรมที่ 3


อ.จตุพล ชมภูนิช

ประวัติ
                อ.จตุพล เกิดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2504 เป็นชาวกรุงเทพฯ จบชั้นประถมจากโรงเรียนวัดเทพลีลา และมัธยมจากโรงเรียนปทุมคงคา และคว้าใบปริญญาคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง 
การศึกษา
มัธยมศึกษา
                  มัธยมจากโรงเรียนปทุมคงคา 
ปริญญาตรี
                  นิติศาสตร์บัณฑิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปริญญาโท 
                 สาขา รัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
ปัจจุบัน 
- ประธานกรรมการบริษัท เทรน แอนด์ ทอล์ค จำกัด
- ผู้อำนวยการสถาบันฝึกอบรมเทรน แอนด์ ทอล์ค
- ได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงสาธารณสุข ให้เป็นฑูตไอโอดีน
- พิธีกร, วิทยากรทอล์คโชว์และวิทยากร รับเชิญบรรยายทั้งภาครัฐและเอกชน
                สำหรับแววนักพูดฝีปากกล้านั้นก็ได้ฉายประกายตั้งแต่สมัยเมื่ออาจารย์ร่ำเรียนอยู่ในรั้วพ่อขุนฯ จนได้เป็นนักพูดตัวแทนของรามคำแหง 
                สำหรับผู้ที่มองเห็นแววนักพูดของอาจารย์และชักชวนให้เข้ามาเป็นนักพูดรายการทีวีวาทีของภาษรโปรดักชั่นก่อนได้รับมอบหมายให้เป็นพิธีกรหลายๆรายการ และมีงานพูดชุกอย่างทุกวันนี้ก็คืออาจารย์วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ 
                การแสดงทอล์คโชว์ครั้งแรกนั้น  ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร คืออยากจะให้คนหัวเราะแต่เขาไม่หัวเราะ ไม่รู้ว่าใครอำใคร แต่นั้นคือสมัยตอนมือใหม่ แต่ตอนนี้แค่เห็นหน้าอาจารย์ก็ฮาแล้ว
ประเด็นที่ชอบและสิ่งที่ประทับใจ
                ชอบที่ท่านเป็นพิธีกรที่เก่งและยังเป็นสุดยอดนักพูดทอล์คโชว์แนวหน้าของเมืองไทย ชอบในทักษะการพูดของท่าน  และทอล์คโชว์ของท่านจะเป็นทอล์คโชว์ที่สนุกสนานและฮามากๆ แต่ก็ปนไปด้วยสาระ ที่ยอดเยี่ยม น่าฟัง และจะมีคำคมสอดแทรกไว้เสมอ  อย่างเช่น  การพบความสุขที่ง่ายๆ แบบใกล้ตัว
                “…การวิ่งตามวัตถุนิยมแบบสุดโต่งนั้น มันเป็นแค่ความสุขที่เราถูกสังคมสมมุติขึ้น ด้วยการโฆษณาและการตลาด มันไม่ใช่ทางพบความสุขที่แท้จริง มันอาจซื้อความสนุกได้ชั่วคราว แต่ไม่ใช่ความสุขที่ยาวนาน ความสุขที่แท้จริงทุกอย่าง ล้วนอยู่บนพื้นฐานของจิตใจทั้งสิ้น และประเทศที่จะพบความสุขอย่างแท้จริง ควรยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าห้ามรวย แต่ต้องรวยแบบพอดี รวยมากก็ได้ แต่ต้องโตแบบยั่งยืน โดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น หากทุกคนไม่รู้จักความพอดี ก็คิดแต่จะโกงกัน เบียดเบียนกัน เพื่อให้รวยกว่า และนั่นหรือคือความสุข มันไม่มีทางพบความสุขได้เลยต่างหาก
                สังคมทุนนิยมสมมุติว่านั่นคือความสุขโดยการมองสั้นๆ (เอาแค่ตัวเอง แต่ไม่มองสังคมระยะยาว) แต่หากมองให้แท้จริงแบบยาวๆ ชั่วลูกชั่วหลานแล้ว สังคมที่บ้าวัตถุนิยมแบบสุดโต่ง จะมีแต่การเบียดเบียนกัน ทุกคนจะหาทุกวิธีเพื่อให้ได้เงิน ซึ่งได้มาซึ่งอำนาจ และวิธีที่ได้เงินเร็วและมากที่สุด คือการโกง การเบียดเบียน แต่ให้ได้มาซึ่งเงิน เพราะมีเงิน คนก็ยอมรับ หากสังคมยกย่องแต่คนมีเงินมาก สังคมก็มักจะยกย่อง คนที่มีเงินมาก แต่มีพื้นฐานการโกง และเบียดเบียนผู้อื่น หากเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ คนดีจะโดนเบียดเบียน สังคมจะอยู่ไม่ได้ในระยะยาว ในหลวงท่านทรงมีพระอัจฉริยะภาพ ว่าความสุขแบบยั่งยืนที่แท้จริงแล้ว ทุกคนต้องรู้จักพอ แล้วเลิกยกย่อง คนที่เงิน แต่ให้ยกย่องคนดี (หากมองแต่ตัวเองแบบไม่กี่ปี เศรษฐกิจทุนนิยมแบบสุดโต่งนั้นย่อมดีและเร็วกว่า แต่จริงๆแล้วตามมาด้วยปัญหาทางสังคมมากมาย หากมองเป็นส่วนรวม ยาวๆ เป็นชั่วลูกชั่วหลาน แล้วจะเข้าใจความหมายของในหลวงอย่างลึกซึ้ง)…”

ที่มาhttp://www.sudipan.net/phpBB2/viewtopic.php?t=2899

วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กิจกรรมที่ 2

แนวคิดทางทฤษฎีการเรียนรู้ ที่เป็นแนวทาง ในการสร้างชุดการสอนที่มีประสิทธิภาพเป็น 3 กลุ่ม คือ

(1) กลุ่มพฤติกรรมนิยม (Behaviorism)
เป็นกลุ่มที่ตีความพฤติกรรมมนุษย์ว่า เป็นการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้า (stimulus) และการตอบสนอง (responses) บางทีจึงเรียกว่า การเรียนรู้แบบ SR สิ่งเร้าก็คือ ข่าวสารหรือเนื้อหาวิชาที่ส่งไปให้ผู้เรียน โดยผ่านกระบวนการเรียนการสอนโปรแกรมการเรียนการสอนอิงหลักการทฤษฎีนี้มาก โดยจะแยกลำดับขั้นของการเรียนรู้ออกเป็นขั้นตอนย่อยๆ และเมื่อผู้เรียนเกิดการตอบสนอง ก็จะสามารถทราบผลได้ทันที ว่าเกิดการเรียนรู้หรือไม่ ถ้าตอบสนองถูกต้องจะมีการเสริมแรง โปรแกรมการเรียนการสอนเป็นรายบุคคลอิงทฤษฎีนี้มาก
(2) กลุ่มเกสตัลท์หรือทฤษฎีสนามหรือทฤษฎีพุทธินิยม (Gestalt, Field or Cognitive theories)
        เป็นกลุ่มที่เน้นกระบวนการความรู้ความเข้าใจหรือการรู้คิด อันได้แก่ การรับรู้อย่างมีความหมาย ความเข้าใจ และความสามารถในการจัดกระทำ อันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของพฤติกรรมมนุษย์ ทฤษฎีนี้ถือว่าการเรียนรู้ของมนุษย์นั้นขึ้นกับคุณภาพของสติปัญญาและความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์
(3) กลุ่มจิตวิทยาทางสังคมหรือการเรียนรู้ทางสังคม (Social psychology or Social learning theory)
        เป็นกลุ่มที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นทฤษฎีนี้เน้นปัจจัยทางบุคลิกภาพและปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ การเรียนรู้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการกระทำทางสังคม

ทฤษฎีการเรียนรู้ของกลุ่มเกสตัลท์
        กลุ่มนักจิตวิทยาประเทศเยอรมันนี  เรียกว่านักจิตวิทยาเกสตัลท์ (Gestalt Psychologist) ประกอบด้วย  โคท์เลอร์ (Kohler) คอฟคา (Koffka) และแวร์ไทมเมอร์ (Wertheimer) เริ่มใน ค.ศ.1912 ได้อธิบายความสัมพันธ์ของส่วนย่อยและส่วนรวมว่า ส่วนรวมมากกว่าผลรวมของส่วนย่อยโดยมีแนวคิดหลักว่า "ส่วนรวม (The whole) มีค่ามากกว่าผลรวม (the sum)ของส่วนย่อย (parts)" การเรียนรู้ล้วนเริ่มต้นจากสิ่งเร้าที่เป็นส่วนรวมมาให้ผู้เรียนรับรู้เสียก่อน แล้วจึงแยกแยะให้เรียนรู้ในส่วนย่อย

อ้างอิง
Jackson, Sarah.  "Demographic and Social Trends : Implications for the
         Information Profession : Part 2." Library Management 11, 6 (1990): 4-
         17.  [Online]. Abstract from: BRS File: LISA Item: 91-3621

กิจกรรมที่ 1

             การจัดการชั้นเรียน หมายถึง การจัดสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก
ห้องเรียน เพื่อสนับสนุนให้เด็กเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข
การจัดสภาพแวดล้อมจะต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1. ความสะอาด ความปลอดภัย
2. ความมีอิสระอย่างมีขอบเขตในกาเล่น                                                                     
3. ความสะดวกในการทำกิจกรรม
4. ความพร้อมของอาคารสถานที่ เช่น ห้องเรียน ห้องน้ำห้องส้วม สนาม
เด็กเล่น ฯลฯ
5. ความเพียงพอเหมาะสมในเรื่องขนาด น้ำหนัก จำนวน สีของสื่อและ
เครื่องเล่น
6. บรรยากาศในการเรียนรู้ การจัดที่เล่นและมุมประสบการณ์ต่างๆ

               การบริหารการศึกษา  หมายถึง กิจกรรมต่างๆ ที่บุคคลหลายคนร่วมกันดำเนินการ เพื่อพัฒนาสมาชิกของสังคมในทุกๆ ด้าน นับแต่ บุคลิกภาพ ความรู้ ความสามารถ เจตคติ พฤติกรรม คุณธรรม เพื่อให้มีค่านิยมตรงกันกับความต้องการของสังคม โดยกระบวนการต่างๆ ที่อาศัยควบคุมสิ่งแวดล้อมให้มีผลต่อบุคคล และอาศัยทรัพยากร ตลอดจนเทคนิคต่างๆ อย่างเหมาะสม เพื่อให้บุคคลพัฒนาไปตรงตามเป้าหมายของสังคมที่ตนดำเนินชีวิตอยู่(ภาวิดา ธาราศรีสุทธิ, 2542: 6)

วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แนะนำตัวเอง



ประวัติส่วนตัว
ชื่อ : นางสาวอรชร วรรณคง 
ชื่อเล่น  : ลิฟท์
วดป.เกิด : 14  กรกฎาคม  2531
ที่อยู่  : 54  ม.2  ต.บางตะพง  อ.ปากพนัง  จ.นครศรีธรรมราช  80140
โทรศัพท์ :  089-5903404
นิสัย :  ยิ้มแย้ม ขี้น้อยใจ โกรธง่ายหายเร็ว
สีที่ชอบ : สีฟ้าและสีเขียว
เวลาว่าง : ดูTV  ฟังเพลง  อ่านหนังสือ
ประวัติการศึกษา
อนุบาล-ประถมศึกษา : โรงเรียนวัดหงส์แก้ว
มัธยมศึกษาตอนต้น-ตอนปลาย : โรงเรียนปากพนัง
ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ระดับปริญญาตรี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
ปรัชญาชีวิต : ทุกอย่างเราทำได้หากตั้งใจทำ